วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553



ดอยอ่างขาง เชียงใหม่

ดอยอ่างขาง เป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ซึ่งมีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ พืชน้ำมัน โดยมุ่งที่หาผลิตผลที่มีคุณค่าพอที่จะทดแทนการปลูกฝิ่นของชาวเขา และทำการส่งเสริมพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมแก่ชาวเขาในบริเวณใกล้เคียง โดยมีชาวเขาเผ่าต่างๆ ได้แก่ เผ่ามูเซอดำ ปะหล่อง จีนฮ่อ และไทยใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมแปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว ได้แก่ ท้อ บ๊วย พลัม ฯลฯ พืชผักเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ เช่น แคร์รอท ผักสลัดต่างๆ สวนสมุนไพร แปลงดอกไม้ เช่น คาร์เนชั่น กุหลาย แอสเตอร์ เบญจมาศ ฯลฯ โรงบรรจุผลไม้เพื่อส่งจำหน่ายและสหกรณ์ของโครงการ ซึ่งจำหน่ายผลิตผลที่ปลูกในบริเวณโครงการให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล

http://www.thai-tour.com



กาดดารา
เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมโอเรียนเต็ล ดาราเทวี ถนนเชียงใหม่-สันกำแพง บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ พื้นที่การค้ากว่า 1,500 ตารางเมตร อาคารร้านค้าก่อสร้างแบบล้านนา ล้านช้าง สิบสองปันนา และมัณฑเลย์ เรียงขนานไปตามแนวถนน มีพื้นที่โล่งเพื่อจัดกิจกรรมกลางแจ้ง มีร้านค้าชื่อดังที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นหลายร้าน จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เช่น ผ้าไหม ผ้าพื้นเมือง เครื่องประดับตกแต่ง สินค้าแบบโบราณ สตูดิโอถ่ายภาพแบบล้านนา และร้านอาหาร เบเกอรี่ ทุกร้านเดินต่อกันได้ จัดมุมพักผ่อนเป็นซุ้มไม้ บ่อน้ำเล็ก ๆ บรรยากาศมีชีวิตชีวาแบบล้านนาไทยผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ โทร. 053 850111 http://www.thai-tour.com/thai-tour

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดอยเชียงดาว



ขุนเขา ดอกไม้ และความหนาวที่ดอยหลวงเชียงดาวอลังการแห่งขุนเขาของเมืองไทย.......
มีขุนดอยทางภาคเหนือที่สูงที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ ดอยอินทนนท์ ที่มีความสูงถึง 2,565 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นขุนดอยป่าต้นน้ำที่มีความสมบูรณ์แห่งหนึ่งหนึ่งของภาคเหนือ และมีศักยภาพทางธรรมชาติที่มีความงดงามสังคมพรรณพืชเฉพาะถิ่นบนดอยสูง
รองลงมาเป็นอันดับ 2 คือ “ดอยผ้าห่มปก” ที่มีความสูง 2,288 เมตรจากระดับน้ำทะเล และรองเป็นอันดับ 3 ก็ต้องแนะให้รู้จัก “ดอยเชียงดาว” สูง 2,225 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ทั้งสิ้น
ด้วยความใฝ่ฝันของนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติในเส้นทางป่าเขาที่ท้าทาย ในรูปแบบการของการเดินป่าระยะไกลที่มุ่งสู่ยอดดอยสูงของดอยหลวงเชียงดาว นั่นคือ ความใฝ่ฝันที่ผสมผสานด้วยด้วยความยากลำบากของสภาพป่าธรรมชาติของป่ากึ่งอัลไพน์
ถ้ามองจากระยะไกลจะเห็นดอยเชียงดาวยืนตระหง่านค้ำผืนฟ้า มียอดดอยสูง 3 ยอด ประกอบด้วยยอดเขารูปกรวยคว่ำ ที่เกิดการกัดกร่อนจนปรากฏเป็นยอดแหลม สูงต่ำโดดเด่น มีระดับความสูงใกล้เคียงกันคือ ดอยหลวงเชียงดาว 2,255 เมตร ดอยกิ่วลม 2,140 เมตร อยู่บริเวณกลางโค้งเกือกม้า ดอยเหนือหรือดอยพีระมิด 2,175 เมตร


www.moohin.com

http://ebarn.multiply.com

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

วัดพระธาตุดอยสุเทพ



สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 8 แห่งอาณาจักรล้านนา ในราชวงศ์เม็งราย พระองคืทรงได้อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ที่ได้ทรงเก็บไว้เพื่อสักการะบูชาส่วนพระองค์ มาบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ ด้วยการอธิษฐานเสี่ยงทายช้างมงคลเพื่อหาสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ ช้างก็ร้องสามครั้งพร้อมกับทำทักษิณาวัติสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก แล้วหาแท่นหินใหญ่ 6 แท่นมาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น และด้วยเหตุนี้เองจึงห้ามไม่ให้พุทธศาสนิกชนที่ไปกราบนมัสการสวมรองเท้าในบริเวณพระธาตุและห้ามไม่ให้สตรีเข้าไปในบริเวณนั้น จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2081 ในสมัยพระเมืองเกษเกล้า ได้ทรงโปรดให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างทำทองคำเป็นรูปดอกบัวใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสดื้รงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดองค์พระบรมธาตุ






วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่ทราบกันดีว่าวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นศาสนสถานที่มีความเกี่ยวข้องกับเมืองเชียงใหม่ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ความผูกพันด้านจิตใจ เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของไทย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีผู้คนจากทั่วสารทิศ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมานมัสการพระธาตุดอยสุเทพกันไม่ขาดสายครับ องค์พระธาตุ เป็นเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยม ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน อุโบสถวัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นในสมัยพระเมืองเกษเกล้ามี พระประธานเป็นพระพุทธรูปศิลปเชียงแสน ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเททองหล่อ เมื่อครั้งทรงเสด็จนมัสการพระบรมธาตุสุเทพ ในวันมาฆบูชา ที่ 1 มีนาคม 2501 วิหารพระพฤหัส ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของพระบรมธาตุ ด้านในประกอบด้วยพระประธาน พระพุทธชินราช รูปเหมือนครูบาศรีววิชัย และพระพุทธรูปอีกหลายองค์ ฝาผนังของวิหารมีภาพเขียนเรื่องราวตำนานพระธาตุดอยสุเทพ นอกจากนี้ก็ยังมีศาลาบาตรอยู่รอบองค์พระบรมธาตุ เป็นศาลาสำหรับใช้ในพิธีทำบุญตักบาตร เป็นพิธีทำบุญทางล้านนาในวันศีล (วันพระ) พระภิกษุสงฆ์จะนำเอาบาตรมาวางเรียงลำดับในศาลา เพื่อให้ญาติโยมนำเอาข้าวปลาอาหารมาใส่ในบาตร วิหารพระเจ้ากือนา เป็นวิหารไม้สักทั้งหลัง รูปแบบลักษณะคล้ายวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ มีขนาดกว้าง 8 วา ยาว 12 วา เพื่อเป็นราชานุสรณ์และกตัญญูกตเวทิตธรรม แด่พระเจ้ากือนาพร้อมด้วยพระมหาสุมนเถระ พระผู้อัญเชิญพระบรมธาตุประดิษฐานบนหลังพญาช้างขึ้นมาถึงยอดสุเทวบรรพต และก่อเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุอันเป็นปฐมเหตุให้สถานที่แห่งนี้เจริญรุ่งเรือง




www.moohin.com

http://www.thai-tour.com

เชียงใหม่ไนท์บาซาร์



เชียงใหม่ไนท์บาซาร์ ตลาดนัดกลางคืนของนักช๊อปต่างชาติ
ถ้าจะพูดถึงตลาดนัดกลางคืนที่คราครั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติคงจะหนีไม่พ้น เชียงใหม่ไนท์บาซาร์ ตลาดนัดกลางคืนที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมานานนับกว่า 20 ปี ตลาดไนท์บาซาร์ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจใหญ่ของเมืองเชียงใหม่อยู่บนถนนช้างคลานที่เต็มไปด้วยธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และศูนย์การค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ

จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่แยกวัดอุปคุตที่มาจากสะพานนวรัฐตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงสี่แยกแสงตะวัน ตลอดสองริมฝั่งถนนจะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาวางขายกันมากมาย สินค้าส่วนมากจะเป็นของพวกแฮนด์เมท ที่ทำด้วยมือเป็นส่วนใหญ่เพราะจะดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวได้ดีกว่า เช่น กระเป๋าถัก งานไม้ฉัมฉาแกะสลัก เสื้อผ้าไหม โมเดลรถตุ๊กตุ๊กที่ทำมาจากกระป๋องเบียร์ เสื้อผ้าฝ้ายพิมพ์ลายต่าง ๆ เช่น ช้างที่เป็นสัญลักษณ์ของเชียงใหม่


นอกจากสองข้างทางแล้วยังมีตลาดเก่าแก่อีกที่หนึ่งที่อยู่ในโซนไนท์บาซาร์ก็คือ "ตลาดอนุสาร" นักท่องเที่ยวจะรู้จักในนาม ถนนคนเดิน ตลาดอนุสารไนท์บาซาร์ ที่นี่เปิดขายมานานนับ 7 ปี ขายทุกวันไม่เว้นวันหยุดตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน โซนนี้จะพิเศษตรงที่มีทั้งที่กิน ที่ซื้อ และที่ผ่อนคลาย ผมหมายถึงร้านนวดฝ่าเท้าครับ เดิน ๆ เที่ยวไปซื้อน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูเป็นของฝาก แต่ท้องเริ่มร้องก็แวะทานอาหารส่วนมากจะออกแนวซีฟู๊ดเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นมาแวะนวดฝ่าเท้าก่อนกลับ แหม!!! แบบว่าครบวงจรกันเลยทีเดียว


ออกจากโซนถนนคนเดินตลาดอนุสารมาไม่เกิน 100 เมตร ก็ต้องหยุดชะงักกับเสียงเครื่องดนตรีล้านนาที่บรรเลงอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่ง สอบถามพ่อค้า แม่ค้าแถวนี้ ก็ทราบว่ายังมีอีกโซนที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน ที่นี่ก็คือ กาแลไนท์บาซาร์ ข้างในนี้จะเป็นลานนั่งทานอาหารและเครื่องดื่ม มีเวทีการแสดงศิลปะล้านนา ขณะที่เรามามีการแสดงฟ้อนรำสวยงามมาก นักแสดง ( ชาวเหนือเรียกจ่างฟ้อน หรือ ช่างฟ้อน ) มาจากวิทยาลัยนาฏศิลป์เชียงใหม่ เราแอบมาหลังเวที ก็เจออาจารย์ชุลีกร น้องไอซ์ น้องนาง น้องน้ำหวาน เป็นทีมแสดง อาจารย์ชุลีกรเล่าว่ามาแสดงที่นี่นานนับ 20 ปี จากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ส่วนมากจะเป็นการฟ้อนรำตามแบบฉบับของภาคต่าง ๆ อย่างวันนี้ก็จะมีการฟ้อนของภาคเหนือชื่อชุดฟ้อนที ภาคกลางชื่อชุดระบำสุโขทัย ภาคอีสานชื่อชุดระบำบายศรี ภาคใต้ชื่อชุดนารีศรีนครและมโนราห์บูชายันต์ หากนักท่องเที่ยวที่ชอบศิลปะแขนงนี้ไม่ต้องไปไกลถึงภาคต่าง ๆ แค่มาที่นี่ที่เดียวก็คุ้ม เกือบลืมครับที่นี่เขาแสดงทุกวันตั้งแต่สองทุ่มครึ่งจนถึงสี่ทุ่มไม่เว้นวันหยุด


www.moohin.com